วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556


การใช้ Search Engine  

   Search Engine   คือ เครื่องมือการค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต
ที่ทุกคนสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้
โดยกรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหา
หรือ Keyword (คีย์เวิร์ด) เข้าไปที่ช่อง Search Box แล้วกด Enter
แค่นี้ข้อมูลที่เราค้นหาก็จะถูกแสดงออกมาอย่างมากมายก่ายกอง
เพื่อให้เราเลือกข้อมูลตรงกับความต้องการที่สุดเอามาใช้งาน 
โดยลักษณะการแสดงผลของ Search Engine นั้นจะทำการแสดงผลแบบ
 เรียงอันดับ Search Results ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา


หลักการค้นหาข้อมูลของ Search Engine

     สำหรับหลักในการค้นหาข้อมูลของ Search Engine แต่ละตัวจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าทางศูนย์บริการ
ต้องการจะเก็บข้อมูลแบบไหน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีกลไกใน
การค้นหาที่ใกล้เคียงกัน หากจะแตกต่างก็คงจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพเสียมากกว่า
 ว่าจะมีข้อมูล เก็บรวบรวมไว้อยู่ในฐานข้อมูลมากน้อยขนาดไหน
และพอจะนำเอาออกมาบริการให้กับผู้ใช้ ได้ตรงตามความต้องการหรือเปล่า
 ซึ่งลักษณะของปัจจัยที่ใช้ค้นหาโดยหลักๆจะมีดังนี้   
   1. การค้นหาจากชื่อของตำแหน่ง URL ใน เว็บไซต์ต่างๆ




     2. การค้นหาจากคำที่มีอยู่ใน Title (ส่วนที่ Browser
ใช้แสดงชื่อของเว็บเพจอยู่ทางด้านซ้ายบน  ของหน้าต่างที่แสดง) 


     3. การค้นหาจากคำสำคัญหรือคำสั่ง keyword
(อยู่ใน tag คำสั่งใน html ที่มีชื่อว่า meta) 

     4. การค้นหาจากส่วนที่ใช้อธิบายหรือบอกลักษณะ site 


     5. ค้นหาคำในหน้าเว็บเพจด้วย Browser  
  ซึ่งการค้นหาคำในหน้าเว็บเพจนั้นจะใช้สำหรับกรณีที่คุณเข้า
ไปค้นหาข้อมูลที่เว็บเพจใด เว็บเพจหนึ่ง แล้วภายในมี
ข้อความปรากฏอยู่เต็มไปหมด จะนั่งไล่ดูทีละบรรทัดคงไม่สะดวก
ในลักษณะนี้เราใช้ browser ช่วยค้นหาให้  
ขั้นแรกให้คุณนำ mouse ไป click ที่ menu Edit
แล้วเลือกบรรทัดคำสั่ง Find in Page หรือกดปุ่ม Ctrl + F ที่ keyboard ก็ได้
จากนั้นใส่คำที่ต้องการค้นหาลงไปแล้วก็กดปุ่ม Find Next
โปรแกรมก็จะวิ่งหาคำดังกล่าว หากพบมันก็จะกระโดดไปแสดงคำนั้นๆ
ซึ่งคุณสามารถกดปุ่ม Find Next เพื่อค้นหาต่อได้
อีกจนกว่าคุณจะพบข้อมูลที่ต้องการ
     Search Engine
แต่ละตัวมีข้อดีในการสืบค้นและวิธีการ
ในการสืบค้นที่แตกต่างกัน ตลอดจนมีการจัดทำส่วนพิเศษต่างๆ
ในการสืบค้นเพื่อช่วยผู้ใช้  และเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสืบค้น
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้ควรมีความรู้เกี่ยวกับการค้นหา ดังนี้ คือ

 1.       วิธีการใช้ Search Engine แต่ละเว็บไซต์    
 Search Engine แต่ละตัวจะมีส่วนช่วยในการอธิบายวิธีใช้ในส่วนที่เรียกว่า Help หรือ
About  เช่น  Yahoo   มีวิธีกำหนดคำค้นเพื่อให้ได้ผลค้นที่เฉพาะเจาะจงหรือตรงต่อความต้องการ โดย



          1.1    ใช้เครื่องหมายดอกจันทร์ (*) เพื่อค้นหาคำที่มีการสกดคล้ายกัน เช่น smok*
หมายความว่า ให้ค้นหาคำทั้งหมดที่ขึ้นด้วย 5 ตัวอักษรแรก เช่น smoke smoker เป็นต้น

          1.2    ใช้เครื่องหมาย + สำหรับกำหนดให้แสดงผลการค้นเฉพาะเว็บไซต์ ที่ปรากฏ
คำทั้งสองคำ เช่น Secondary + education

          1.3  ใช้เครื่องหมาย  “    ”  สำหรับการค้นหาคำที่เป็นวลี เช่น  “great barrier reaf”
ฯลฯ


     2.       การใช้ตรรกบูลีน  (Boolean Logic)

เพื่อให้สามารถกำหนดการค้นหาที่แคบเข้ามา โดยใช้คำ
  AND  OR  NOT เข้าช่วยในการ
กำหนดคำค้น เพื่อให้สามารถค้นหาได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น 


          2.1     การใช้ AND    

การกำหนดใช้ AND จะใช้เมื่อต้องการกำหนดให้ค้นรายการที่ปรากฏคำที่มีความเกี่ยว
ข้องกัน ในรายการเดียวกัน เช่น water and soil


          การกำหนดแบบนี้หมายความว่า
               1.       ผลการค้นต้องการ คือ เฉพาะรายการที่มีคำว่า water  และ soil เท่านั้น
               2.       หากรายการใดที่มีแต่คำว่า  water  หรือ soil ไม่ต้องการ

 

          2.2  การใช้คำว่า OR

          การใช้ OR เป็นการขยายคำค้น โดยกำหนดคำหลายที่เห็นว่ามีความหามายคล้ายกัน
หรือสามารถสะกดได้หลายแบบ


 

          2.3  การใช้ NOT

     การใช้ NOT จะใช้ในเมื่อต้องการจำกัดการค้นเข้ามา
คือไม่ต้องการรายการที่มีเนื้อหา
ส่วนที่ไม่ต้องการปรากฏอยู่  โดยกำหนดให้

ตัดคำที่ไม่ต้องการออกเช่น water not soil
          การกำหนดคำแบบนี้ หมายถึง 


               1.       ให้ค้นหารายการที่มีคำว่า water แต่หากรายการใดมีคำว่า soil อยู่ด้วย ไม่ต้องการ
               2.       ผลสืบค้นที่ได้ทุกรายการที่มีคำว่า water และหากมีคำว่าSoil ให้คัดออกทุกรายการ


วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ความรู้เกี่ยวกับพรบ คอมพิวเตอร์

พรบคอมพิวเตอร์คืออะไร

 เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญของการประกอบกิจการและการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่นในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้


พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์


          
ทุกคนคงเห็นด้วยว่า คอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในการทำงาน การหาความรู้ ความบันเทิง และอีกหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเมื่อรวมถึงการใช้งานระบบ Internet แล้ว ยิ่งทำให้การใช้คอมพิวเตอร์มีบทบาท และใกล้ชิดกับการใช้ชีวิตประจำวันของทุกๆ คนมากยิ่งขึ้น

ลองคิดดูว่า ถ้ามีใครสักคนทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้ หรือทำงานไม่ตรงกับคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือว่ามีคนใช้วิธีการใดๆ ที่จะล่วงรู้ข้อมูลสำคัญๆ ของบริษัท หรือ ข้อมูลส่วนตัวของแต่ละคน แล้วนำไปเผยแพร่ หรือดัดแปลงให้เกิดความเข้าใจผิด เสียหาย แน่นอนครับว่าจะต้องกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ความสงบสุข และศีลธรรมอันดีของประชาชน ยิ่งกว่านั้น บางเรื่องอาจจะกระทบถึงความมั่นคงของรัฐด้วย
ทุกคนคงเห็นด้วยว่า คอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในการทำงาน การหาความรู้ ความบันเทิง และอีกหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเมื่อรวมถึงการใช้งานระบบ Internet แล้ว ยิ่งทำให้การใช้คอมพิวเตอร์มีบทบาท และใกล้ชิดกับการใช้ชีวิตประจำวันของทุกๆ คนมากยิ่งขึ้น

      
ความผิดทีเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ. ฉบับนี้

- การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ของผู้อนโดยมิชอบื
- การเปิดเผยข้อมูลมาตรการปองกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์
ที่ผู้สอนจัดทําขึนเป็นการเฉพาะ
- การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยไม่ชอบ
- การดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของผู้อื่น

- การทําให้เสียหายทําลายแก้ไข เปลียนแปลง เพิมเติม
ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยไม่ชอบ
- การกระทําเพือให้ การทํางานของระบบคอมพิวเตอร์
ของผู้อื่นไม่สามารถทํางานได้ตามปกติ
ความผิดทีเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ. ฉบับนี้

- การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบื
- การเปิดเผยข้อมูลมาตรการปองกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์้
ทีผู้อื่นจัดทําขึนเป็นการเฉพาะ
- การส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ รบกวนการใช้ ระบบคอมพิวเตอร์ ของคนอื่น
โดยปกติสุข
- การจําหน่ายชุดคําสั่งทีจัดทําขึ้นเพื่อนําไปใช้ เป็นเครื่องมือ
ในการกระทําความผิด

- การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ทำาความผิดอื่น
ผู้ให้บริการจงใจสนับสนุนหรือ
ยินยอมให้มีการกระทําความผิดี

- การตกแต่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นภาพของบุคคล

ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต

         ในฐานะบุคคลธรรมดาไม่ควรกระทําในสิงต่อไปนี้
เพราะอาจจะทําให้ “เกิดการกระทําความผิด" ตาม พรบ.นี้
1.ไม่ ควรบอก passwordแก่ ผู้อื่น                                         

2. อย่าให้ผู้อื่นยืมใช้ เครืองคอมพิวเตอร์ื
หรือโทรศัพท์เคลื่อนทีเพื่อเข้าเน็ต

3.อย่าติดตั้งระบบเครือข่ายไร้สาย
ในบ้านหรือที่ทํางาน
โดยไม่ใช้มาตรการ
การตรวจสอบผู้ใช้งาน
และการเข้ารหัสลับ

4 อย่าเข้าสู่ระบบด้วย
user ID และ password
ทีไม่ ใช่ ของท่านเอง

5. อย่านํา user ID และ password
ของผู้อื่นไปใช้ งานหรือเผยแพร่

6. อย่าส่งต่อซึงภาพหรือข้อความ
หรือภาพเคลื่อนไหวทีผิดกฎหมาย

7. อย่า กด "remember me"
หรือ "remember password"
ทีเครื่องคอมพิวเตอร์ สาธารณะ
และอย่า log-in เพื่อทําธุรกรรม
ทางการเงินทีเครื่องสาธารณะ

8. อย่าใช้ WiFi (Wireless LAN)  
ทีเปิดให้ใช้ฟรีโดยปราศจาก
การเข้ารหัสลับข้อมูล
คลิปที่เกี่ยวข้องกับการทำผิด พรบ คอมพิวเตอร์

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

ความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต



       อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter และ net
อินเทอร์ (Inter) คือ ระหว่าง หรือท่ามกลาง เน็ต (Net) คือ เครือข่าย (Network)

อินเทอร์เน็ต (Internet)
      คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย
รวมเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งโลก
คือเครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย คือ การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย
 คือ เครือข่ายของเครือข่าย




อินเตอร์เน็ต (Internet)

         เป็นเครือข่ายที่ได้รับการพัฒนา และเติบโตมาจากเครือข่าย
ทางการทหารของประเทสสหรัฐอเมริกา     ที่มีชื่อว่า เครือข่าย " อาร์ปาเน็ต "
 ( ARPANET: Advanced Research Project Network)
 เครือข่ายอาร์ปาเน็ตเป็น โครงการร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา
โดยเริ่มใช้งานเมื่อปี พ.ศ . 2512 ซึ่งเป็นโครงการร่วมมือกับ
มหาวิทยาลัยในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีเครือข่ายอาร์ปาเน็ต
เป็นเครือข่ายหลักสำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
ในเวลาต่อมามหาวิทยาลัยต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาได้ให้ความสนใจ
และขอเข้าร่วมโครงการโดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่าย
อาร์ปาเน็ตเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการ ศึกษาและวิจัยต่อมาเครือข่าย
อาร์ปาเน็ตมีขนาดใหญ่มากขึ้นทำให้เกิดปัญหาในการบริหารเครือข่าย
ดังนั้นทางการทหารของ สหรัฐอเมริกาจึงขอแยกตัวออกมา
เป็นเครือข่ายย่อยชื่อว่า " มิลเน็ต " ( MILNET: Military Network)
โดยเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย อาร์ปาเน็ตเดิมด้วยเทคนิคการโต้ตอบ
หรือ " โปรโตคอล " (Potocol) แบบพิเศษที่เรียกว่า " ทีซีพี / ไอพี"
( TCP/IP: Transmission Control Protocol / Internet Protocol)
โดยที่ " ไอพี "( IP: Internet Protocol) หรืออินเตอร์เน็ตโปรโตคอล
เป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยเครือข่ายอาร์ปาเน็ตนับตั้งแต่ต้น
ได้มีเครือข่ายย่อยของสถาบัน และองค์กรต่าง ๆ
 ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาเองและประเทศต่างที่มีความสัมพันธ์
ทางการฑูตกับสหรัฐอเมริกาได้ขอเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอาร์ปาเน็ตทำให้
 เครือข่ายอาร์ปาเน็ตมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น และเนื่องจาก
เชื่อมโยงเครือข่ายย่อยต่าง ๆ เหล่านี้เป็น การเชื่อต่อด้วยเทคนิคแบบ
 " อินเตอร์เน็ตโปรโตคอล " ดังนั้นต่อมาจึงเรียกเครือข่ายขนาดยักษ์นี้ว่า
 " อินเตอร์เน็ต ความเป็นมาของอินเน็ต
        

จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก

        ปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกโดยประมาณ 2.095 พันล้านคน

 หรือ 30.2 % ของประชากรทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือน มีนาคม 2554)

 โดยเมื่อเปรียบเทียบในทวีปต่างๆ พบว่าทวีปที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ

 เอเชีย โดยคิดเป็น 44.0 % ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด

 และประเทศที่มีประชากรผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือประเทศจีน

คิดเป็นจำนวน 384 ล้านคนหากเปรียบเทียบจำนวนผู้ใช้

อินเทอร์เน็ตกับจำนวนประชากรรวม พบว่าทวีปอเมริกาเหนือ

มีสัดส่วนผู้ใช้ต่อประชากรสูงที่สุดคือ 78.3 % รองลงมาได้แก่

ทวีปออสเตรเลีย 60.1 % และ ทวีปยุโรป คิดเป็น 58.3 % ตามลำดับ







อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย

         อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530
โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น
ประเทศออสเตรเลีย แต่ในครั้งนั้นยังเป็นการ
เชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการถาวร
 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
 (NECTEC) ได้ทำการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง
ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT)
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์,
 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(NECTEC),
 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เข้าด้วยกันเรียกว่า "เครือข่ายไทยสาร"
การให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ
เดือน มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง
 คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย
และสำนักงานส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
โดยให้บริการในนาม บริษัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand)
 เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศไทย



ประโยชน์จากการใช้อินเตอร์เน็ต
       ปัจจุบันได้มีการนำเอาอินเตอร์เน็ตมาใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเอามาประยุกต์ใช้กับภาคธุรกิจ
เนื่องจากอินเตอร์เน็ตถือเป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญเพื่อประโยชน์ใน
การสื่อสารทางการตลาดให้กับธุรกิจ นอกเหนือจากเครื่องมือ
สื่อสารอื่นๆทางการตลาด ในการสื่อสารทางการตลาดแบบบูรณาการ
 เช่นการนำอินเตอร์เน็ตมาใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยประชาสัมพันธ์
ได้อย่างหลากหลาย ช่วยเรื่องการติดต่อทางธุรกิจเป็นไปอย่างรวดเร็ว
 ด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์การสนทนาผ่านโปรแกรม chat
หรือ VDO Conference การชำระเงินค่าสินค้าบริการผ่านอินเตอร์เน็ต
ช่วยค้นหาข้อมูลทางธุรกิจ เป็นต้น อินเตอร์เน็ตช่วยสร้างโอกาศ
ทางธุรกิจในหลายๆด้านได้แก่

1. อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนสำนักงานออนไลน์
ที่สามารถเปิดขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด
2. อินเตอร์เน็ตช่วยให้เรานำสินค้าเปิดสู่ตลาดโลกได้โดยง่าย
3. อินเตอร์เน็ตช่วยให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
4.อินเตอร์เน็ตช่วยให้สามารถสร้างเครือข่ายธุรกิจ
นอกจากการเปิดเว็บไซต์เพื่อขายสินค้าของตนเองแล้ว
อินเตอร์เน็ตยังสามารถช่วยเหลือทางด้านการค้าไ
ด้จากการฝากขายสินค้าของตนผ่านเว็บไซต์อื่น
5. อินเตอร์เน็ตช่วยให้เราสามารถแบ่งแยกหมวดหมู่ได้ตรงเป้าหมาย
6. อินเตอร์เน็ตช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

   
     การใช้อินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีทั้งโทษและประโยชน์
เราควรจะศึกษาดีๆใช้ไปแล้วทำยังไงถึงจะทำให้มีประโยชน์ต่อตนเอง
 และต่อคนในสังคม อินเตอร์เน็ตในยุคนี้มักจะมีข้อมูลอะไรที่หลากหลาย
จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาเป็นอย่างมาก
 เพราะฉะนั้นเราต้องศึกษาดีๆ และใช้อินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์